บทนำ
กริ๊งงงง !!! กริ๊งงง !!!
เสียงนาฬิกาปลุกบนหัวเตียงดังขึ้นเพื่อปปลุกให้ร่าง ๆ หนึ่งที่กำลังนอนขดอยู่ใต้ผ้าห่มผืนบางให้ตื่นขึ้นจากนิทรา 'ปั๊บ' ค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นแล้วลุกขึ้นมานั่งอยู่บนเตียงด้วยอาการสลึมสลือ ชายหนุ่มเอื้อมไปปิดเสียงอันน่าหนวกหูของนาฬิกาปลุกเรือนนั้นแล้วนั่งงงอยู่เล็กน้อยก่อนจะฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าวันนี้เป็นวันที่เขาจะต้องไปมหาลัยเป็นวันแรก ปั๊บหาววอดออกมาเป็นพิธีก่อนจะรีบลุกขึ้นไปอาบน้ำพร้อมกับแต่งกายชุดนักศึกษาแล้วจัดกระเป๋าเตรียมพร้อมที่จะไปเรียน
"ฮะ ! ฮะ ! จะว่าไปพอเราแต่งชุดนักศึกษาแล้วก็หล่อไม่ใช่เล่นเลยนะ" ปั๊บกล่าวกับตนเองในกระจกก่อนที่จะหยิบเอารูป ๆ หนึ่งขึ้นมาจากกระเป๋าเงิน
"อยากให้แม่กับพี่ป๊อปเห็นเราในตอนนี้จัง...คงจะดีใจน่าดูที่เห็นเราในชุดนักศึกษาแบบนี้" พูดจบปั๊บก็เก็บรูปใบนั้นใส่กระเป๋าดังเดิมแล้วเดินออกจากห้องไป
'มหาวิทยาลัย' สถานที่ซึ่งเป็นเสมือนจุดเปลี่ยนจุดสำคัญของชีวิต เด็กที่สั่งสมความรู้มาสิบปีเศษจะได้มาทดสอบตัวเองว่าสมควรได้รับการยอมรับจากสังคมหรือไม่จากบทเรียนทั้งในและนอกตำราซึ่งมหาวิทยาลัยได้มอบให้กับพวกเขาทุกคน จนกระทั่งเป็นค่านิยมที่ว่า 'หากยังไม่พ้นรั้วมหาลัย ก็ยังหาใช่ผู้ใหญ่ได้โดยสมบูรณ์'
ปั๊บก็เป็นหนึ่งในเด็กที่มีค่านิยมเช่นนั้น...
เขาตัดสินแยกตัวออกจากครอบครัวที่รักยิ่งเพื่อออกเดินทางตามหาสิ่งที่ขาดหายไป อาจจะด้วยความเป็นลูกผู้ชายกระมังจึงทำให้ความสันโดษเป็นสิ่งที่เขาคิดว่าเท่และสมควรแก่การยกย่อง สี่ปีหลังจากนี้จะเป็นบททดสอบสำหรับเขาในการก้าวผ่านกำแพงของความเป็นเด็กเพื่อจะได้กลายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว โดยที่ไม่ต้องสนใจในคำครหาจากผู้สูงวัยซึ่งเคยตอกย้ำใจของเขานับตั้งแต่ขึ้นมัธยม...
"เป็นเด็กเป็นเล็ก อย่าริยุเรื่องของผู้ใหญ่ !"
คำพูดเหล่านั้นเป็นเสมือนเชื้อไฟให้กำลังใจได้ลุกโชติช่วง และมันทำให้เขาเลือกที่จะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยไกลบ้านเกือบพันกิโลเมตรเพื่อมาฝึกความเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์
"สู้สิปั๊บ !"
เขาบอกกับตัวเองพร้อมกับเม้มปากแน่นเพื่อสั่งให้ใจลุกขึ้นสู้ ! เขาจะไม่ยอมกลับบ้านหากไม่จำเป็น และถ้าหากไม่เกินความสามารถ เขาจะกลับไปเมื่อได้รับใบปริญญา...
มหาวิทยาลัยชื่อดังทางภาคเหนือของประเทศซึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนเชิงเขาขนาดย่อมเปิดประตู้ต้อนรับเขาอยู่ตรงหน้า แม้สภาพแวดล้อมจะเต็มไปด้วยแมกไม้ตามธรรมชาติจนดูคล้ายกับมหาวิทยาลัยกลางป่า แต่ทว่าชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยนี้โด่งดังจนกระทั่งมีนักเรียนแลกเปลี่ยนจากหลายประเทศลงทุนนั่งเครื่องบินมาเพื่อขอรับความรู้ใหม่ ๆ จากอาจารย์ระดับหัวกะทิของประเทศ ในขณะเดียวกันก็มีมหาวิทยาลัยหลายแห่งจากหลายประเทศให้โควตานักศึกษาที่จบจากที่นี่เพื่อไปศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น รวมไปถึงบริษัทต่าง ๆ ที่อ้าแขนรับนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้เข้าทำงานโดยแทบไม่ต้องสอบสัมภาษณ์ เขาภาคภูมิใจไม่น้อยเลยที่สามารถสอบติดมหาวิทยาลัยแห่งนี้...
Rrrrrr !!!! Rrrrrr !!!
ปั๊บเดินมาได้สักพักเสียงโทรศัพท์มือถืของเขาก็ดังขึ้น พอปั๊บหยิบมันขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นเบอร์ ๆ หนึ่งที่เขาก็รู้จักดี
"ฮัลโหล...สวัสดีครับพี่ป๊อป"
("เป็นไงบ้างปั๊บ นายสบายดีหรือเปล่า ?")
"สบายดีครับพี่ป๊อป แล้วพี่กับแม่ล่ะ...สบายดีหรือเปล่า ?"
("พี่กับแม่สบายดี .หึ...เป็นไงบ้างล่ะ ! เป็นหนุ่มมหาลัยแล้วนี่ ท่าทางนายคงจะดีใจน่าดูเลยอ่ะดิ")
"แหม...มันก็ต้องดีใจบ้างดิครับ อิอิ !" ปั๊บพูดไปพลางยิ้มไปพลาง ที่จริงปั๊บแทบดีใจมากจนเรียกได้ว่าเห่อมากเลยก็ว่าได้ เพราะตั้งแต่ที่เขาได้เครื่องแบบนักศึกษามาเป็นวันแรกเขาก็แทบใส่มันเดี๋ยวนั้นเลยทั้งที่ยังไม่ทันได้เปิดภาคเรียนเลย
("ฮะ..ฮะ ! ยังไงนายก็อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยล่ะปั๊บ ที่นั่นไม่ได้มีพี่กับแม่คอยดูแลนายนะ")
"ได้คร้าบบบ !! พี่เองก็เหมือนกันนะ...อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยนะครับ อย่าให้พี่ต๊อปต้องคอยดูแลพี่อย่างเดียวล่ะ...ฮ่ะ ! ฮ่ะ !"
("นายนี่ล่ะก็นะ...ฮ่า ฮ่า ! โอเค ๆ งั้นตั้งใจเรียนนะปั๊บ เออนี่ ! อย่าลืมถ่ายรูปนายตอนใส่ชุดนักศึกษามาให้ดูด้วยล่ะ แม่เขาอยากเห็น")
"ได้ครับผม !!!"
("ฮะ...ฮะ ! งั้นแค่นี้นะปั๊บ ! ขอให้นายโชคดีกับชีวิตในรั้วมหาลัยล่ะ...น้องชาย")
ไม่ทันที่ผู้เป็นน้องจะได้กล่าวคำร่ำลาป๊อปก็วางสายของเขาไปแล้ว ปั๊บมองโทรศัพท์ในมือของตนไปพลางแล้วยิ้มไปพลางอย่างมีความสุข แม้คำพูดที่พี่ชายของเขาอวยพรมานั้นมันอาจจะไม่ได้มีความหมายที่ดีอะไรมากนัก แต่สำหรับปั๊บมันคือคำพูดที่สร้างกำลังใจให้เขาได้เป็นอย่างดี
"ขอบคุณนะครับพี่ป๊อป..."
ความคิดเห็น